เหล่าคนพาล ปัญญาทราม
เหล่าคนพาล ปัญญาทราม ทำตัวเองให้เป็นศัตรูของตัวเอง เที่ยวก่อแต่บาปกรรรมที่มีผลเผ็ดร้อน
พุทธสุภาษิตสะกิดใจ "ของดีความดีต้องมีคู่กัน"
หนนฺติ โภคา ทุมฺเมธํ โภคทรัพย์ ย่อมฆ่าคนมีปัญญาทราม ทรัพย์สมบัติทั้งหลาย ย่อมจะเป็นของดี ของมีค่าที่จะอำนวยประโยชน์สุข ให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ และเป็นการประกาศฐานะของตน คนไหนมีทรัพย์สมบัติมาก ก็จะเป็นคนมีหน้ามีตา ไปไหนก็จะมีแต่คนรู้จักทักทาย ยกย่องสรรเสริญ ต่างก็มีคนยินดีรับใช้
พุทธสุภาษิตสะกิดใจ "คนชั่วช้า ไม่พ้นตาสังคม"
สพฺพญฺเจ ปฐวี ทชชา, นากตญฺญุมภิราธเย ถึงจะให้แผ่นดินทั้งหมด ก็ยังคนอกตัญญูให้ยินดีไม่ได้
ส่องธรรม ล้ำภาษิต : ทำคุณบูชาโทษ
การบำเพ็ญประโยชน์ โดยไม่ฉลาดในประโยชน์ จะนำความสุขมาให้ไม่ได้เลย ผู้มีปัญญาทรามย่อมพร่าประโยชน์ ดุจลิงเฝ้าสวนฉะนั้น (ขุ.ชา.เอก.๒๗/๑๕)
คนโง่ได้ยศก็ไม่เกิดประโยชน์
ผู้มีปัญญาทรามได้ยศแล้ว ย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมปฏิบัติเพื่อความเบียดเบียนตน และคนอื่น
โลกาพินาศเพราะอำนาจกิเลส
คนพาลมีปัญญาทราม กระทำกรรมชั่วอยู่ ก็ไม่รู้สึกว่าได้ทำความชั่ว แต่เขาย่อมเดือดร้อนเพราะกรรมของตน เหมือนถูกไฟไหม้ ฉะนั้น
ครุกรรม (๑)
คนพาลกระทำกรรมอันลามกอยู่ ย่อมไม่รู้สึก บุคคลที่มีปัญญาทรามย่อมเดือดร้อน เพราะกรรมทั้งหลายอันเป็นของตน เหมือนบุคคลที่ถูกไฟไหม้แล้วฉะนั้น
กรรมของการไม่เป็นภรรยาที่ดี
คนพาลทำบาปกรรมทั้งหลาย ก็ไม่รู้สึกตัว ผู้มีปัญญาทราม ย่อมเดือดร้อนเพราะกรรมของตนในภายหลัง ดุจถูกไฟไหม้
กาลกัญชิกาอสูร
บุคคลผู้เป็นคนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประพฤติตนเป็นศัตรูต่อตนเอง ย่อมทำกรรมอันลามกที่ทำให้เดือดร้อนในภายหลัง เขาย่อมมีน้ำตานองหน้าร้องไห้คร่ำครวญอยู่ และต้องเสวยผล แห่งวิบากกรรมอันเผ็ดร้อนด้วยความทุกข์ทรมาน ส่วนบุคคลทำกรรมใดแล้ว ไม่เดือดร้อนในภายหลัง มีใจแช่มชื่นเบิกบาน ได้เสวยผลแห่งวิบากกรรมที่ดีนั้น ที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนและผู้อื่น ควรรีบลงมือกระทำกรรมนั้น
โทษของผู้รังแกสมณะ
ความจริง บาปที่ตนทำแล้ว อันเกิดจากตน ที่มีตนเป็นแดนเกิด ย่อมย่ำยีบุคคล ผู้มีปัญญาทราม เหมือนเพชรย่ำยีแก้วมณีที่เกิดแต่หิน ฉะนั้น