มหาโควินทสูตร (ตอนที่ 2 พุทธคุณ ๘ ประการ)
บุคคลจะเป็นอุบาสกหรืออุบาสิกาก็ตาม ผู้ถึงพระรัตนตรัยอันประกอบด้วยคุณอันอุดมอย่างนี้ ชื่อว่าจะเป็นผู้บังเกิดในนรกเป็นต้น ย่อมไม่มี อนึ่งพ้นจากการบังเกิดในอบายแล้ว ยังจะเกิดขึ้นในเทวโลกได้เสวยมหาสมบัติ
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 180
ดอกทองกวาวถูกแสงจันทร์ในยามราตรีสาดส่อง จึงแลเห็นเหมือนชิ้นเนื้อสด ฝูงสุนัขจิ้งจอกเห็นดอกทองกวาวนั้นบานสะพรั่งอยู่ในยามราตรี ต่างก็พากันสำคัญว่าเป็นชิ้นเนื้อสด จึงพากันวิ่งกรูกันเข้าล้อมต้นไว้ตลอดทั้งคืน โดยหวังจะได้กินชิ้นเนื้อในวันรุ่งขึ้น
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 179
พระเจ้าจุลนี ทรงสดับถ้อยคำเย้ยหยันของมโหสถแล้ว ก็ยิ่งทรงพระพิโรธหนักขึ้น ความอาฆาตแค้นอัดแน่นในพระอุราเป็นทับทวี ทรงดำริว่า “เจ้ามโหสถนี่กำแหงมากนัก มาเยาะเย้ยเราได้ ต้องให้มันรู้สำนึกเสียบ้างในวันนี้เป็นทีของใคร”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 176
ฝ่ายมโหสถบัณฑิต นำเสด็จพระเจ้าวิเทหราชขึ้นประทับบนพลับพลาเรียบร้อยแล้ว ก็ทูลเชิญพระราชธิดาปัญจาลจันทีขึ้นสู่ที่ประทับอันประดับประดาตกแต่งไว้อย่างดีแล้ว ให้พระนางประทับอยู่คู่กับพระเจ้าวิเทหราช ครั้นแล้วจึงได้ทำพิธีราชาภิเษกสมรสให้ทั้งสองพระองค์
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 170
เมื่อทหารเหล่านั้น นำเสด็จกษัตริย์ทั้งสี่พระองค์มาถึงเชิงบันได ก็ช่วยกันเปิดปากประตูอุโมงค์ แล้วทูลเชิญให้เสด็จพระดำเนินไปตามเส้นทางนั้น เมื่อเสด็จเข้าไปสู่ภายในอุโมงค์แล้ว พระนางทอดพระเนตรเห็นทางลับนั้น ก็ทรงมีพระทัยพิศวงยิ่งนัก ถึงกับทรงปรารภขึ้นว่า “เอ...ชอบกลอยู่นะ เราอยู่ที่นี่มานาน ตั้งแต่เกิดมาจนแก่ปูนนี้ ก็ยังไม่เคยลงมาตามทางนี้เลย”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 169
จากนั้น ทรงมีพระราชบัญชาให้เหล่าเสนาตระเตรียมกองทัพใหญ่ ๑๘กองทัพ พร้อมกับให้สัญญาณแก่พระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ว่า “ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะร่วมใจกันเด็ดหัวศัตรูผู้ขลาดเขลา เมื่อเผด็จศึกได้แล้ว เราถึงจะกลับมาดื่มฉลองชัยบานกันให้มโหฬารทีเดียว” สิ้นพระกระแสรับสั่งของพระเจ้าจุลนี กองทัพทั้งหมดก็เคลื่อนพลออกจากปัญจาลนครทันที
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 168
พระเจ้าจุลนีทรงมีพระราชบัญชาให้เหล่าเสนาตระเตรียมกองทัพใหญ่ 18กองทัพ พร้อมกับให้สัญญาณแก่พระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลาย ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะร่วมใจกันเด็ดหัวศัตรูผู้ขลาดเขลา หากว่าทุกท่านพร้อมกันแล้ว ก็จงยกทัพออกไปในทันที เมื่อเผด็จศึกได้แล้ว เราถึงจะกลับมาดื่มฉลองชัยบานกันให้มโหฬารทีเดียว”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 167
การก่อสร้างนครแห่งนี้ ได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา ๔เดือนเต็ม โดยมีปราการกำแพงล้อมรอบสูงถึง ๑๘ศอก โรงพักพลมีป้อมประตูเรียงรายเป็นระยะสลับด้วยซุ้มประตูเมืองที่มั่นคง ภายในกำแพงเมืองมีโรงช้างโรงม้าและราชพาหนะทั้งหลาย มีสระโบกขรณีโอบล้อมบริเวณพระราชนิเวศน์ มองไกลๆเหมือนที่ประทับนั้นลอยโดดเด่นอยู่เหนือผืนน้ำ
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 166
มโหสถระดมคนงานราว ๖,๐๐๐คน ให้ช่วยกันขุดกรวดทรายและดิน ขนออกมาด้วยกระทงหนังขนาดใหญ่ แล้วเทลงในแม่น้ำจนน้ำขุ่นคลัก แม่น้ำนั้นก็ไหลผ่านไปถึงปัญจาละนคร ชาวเมืองต่างได้รับความเดือดร้อน ก็พากันบ่นอุบว่า “โธ่เอ๋ย ไม่น่าเลย ตั้งแต่มโหสถมานี่ ยังไม่ทันไร ก็สร้างความลำบากให้พวกเราเสียแล้ว น้ำขุ่นคลักอย่างนี้ พวกเราจะไปหาน้ำใสๆ ดื่มกินกันได้ที่ไหน”
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 165
แน่นอนว่าคนเหล่านั้นทั้งหมด ต่างก็ไม่มีใครยอมให้รื้อถอนเรือนของตนเลย ทุกคนต่างต่อรองว่าจะขอจ่ายทรัพย์เป็นค่าสินบนเพื่อขอยกเว้นไม่ต้องรื้อเรือนด้วยกันทั้งสิ้น มโหสถใช้อุบายทำนองเดียวกันนี้ กระทั่งรวบรวมทรัพย์สินบนมาได้ถึง ๙๐ล้านกหาปณะ